ย้อนหลังไปในปี 2540 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่ทำให้หลายธุรกิจพังไม่เป็นท่า คุณอนุชาติ (น้อย) และคุณสุพาภร (กุ้ง) ปิยะนุกูล ซึ่งเดิมมีกิจการส่วนตัวอยู่หลายอย่าง กำลังมองหาธุรกิจใหม่ที่จะสร้างความมั่นคงในช่วงความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจ และทั้งคู่ก็พบกับธุรกิจแอมเวย์จากการชักชวนของพี่สาวของคุณน้อย “ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอธุรกิจมาแล้วครับ ความรู้สึกไม่ได้ลบแต่ก็ไม่ได้บวก เรายังมองไม่เห็นว่าเป็นโอกาส จนได้มาดูธุรกิจพร้อมคุณกุ้ง ได้ศึกษาแผนการตลาดถึงได้เปลี่ยนใจครับ” ในขณะที่คุณกุ้งบอกว่า ครั้งแรกที่ไปเซ็นเตอร์ สิ่งที่เธอมองเห็นคือ...โอกาส “ตื่นเต้นค่ะ เพราะตอนนั้นโดนพิษเศรษฐกิจอยู่รู้สึกว่านี่คือโอกาส คือความหวัง เราคิดว่าจะเปลี่ยนชีวิตได้ด้วยธุรกิจนี้ จากนั้นก็เริ่มต้นลงมือทำทันทีค่ะ”

3 ปีคือเวลาที่ทั้งคู่มุ่งมั่นไปให้ถึงเป้าหมายความสำเร็จที่ตั้งไว้ แต่ดูเหมือนทุกสิ่งจะไม่เป็นไปดังใจฝัน “เราพยายามทำทุกวิถีทางให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ก้าวหน้ามากค่ะ” คุณกุ้งเล่า และคงเป็นดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อมองหาย่อมมองเห็น ในที่สุดทั้งสองก็มองเห็นจุดปลดล็อกที่จะทำให้ก้าวสู่ความสำเร็จ “เราได้ไปงานประชุมที่ทำให้ธุรกิจของเราเปลี่ยนโฉมเลยค่ะ” คุณกุ้งบอกด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่เวทมนตร์ ไม่มีเทคนิคพิเศษที่เป็นความลับ แต่สิ่งสำคัญที่ค้นพบคือ “การปรับเปลี่ยนทัศนคติค่ะ เมื่อก่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีศักยภาพพอ เพราะจบม.6 รู้สึกมีปมด้อยตลอดว่าเราเรียนน้อย คนสำเร็จต้องจบปริญญา แต่งานประชุมครั้งนั้นทำให้เราได้เห็นว่าธุรกิจนี้ไม่ได้อยู่ที่วุฒิการศึกษา นี่เป็นงานที่ไม่ต้องใช้ปริญญา แต่ต้องใช้ปัญญาในการสร้าง ใช้การเรียนรู้ การมีวิสัยทัศน์และการพัฒนาตัวเองค่ะ” นอกจากนี้คือการทำความเข้าใจในคอนเซปต์ของธุรกิจให้กระจ่างแจ้ง “ในงานนั้นทำให้เข้าใจว่า นี่คือการทำธุรกิจในระบบเมตตาทุนนิยม ทัศนคติที่ถูกต้องทำให้เรามีความกล้า ทำให้รู้ว่าหน้าที่ของเราคือการหยิบยื่นโอกาส การช่วยผู้อื่นให้ไปถึงความสำเร็จ เมื่อก่อนก็พอมองออกนะครับว่าธุรกิจนี้ดี แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจไม่ใช่สำหรับเรา แต่พอได้ปลดล็อกแล้วรู้เลยว่านี่คือธุรกิจที่ดีและเราใช่สำหรับธุรกิจนี้ครับ (ยิ้ม)”

ผ่านการเรียนรู้ทั้งความผันแปรของสภาวะเศรษฐกิจและสังคมมาไม่น้อย วันนี้ทั้งคู่จึงเข้าใจถ่องแท้ว่านอกจากต้องมีทัศนคติมุมมองที่ถูกต้อง อีกหนึ่งวิชาสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จได้ก็คือ “วิชาไร้ตัวตนครับ พอเราไร้ตัวตนจะทำให้เราปรับตัวได้ง่าย พร้อมที่จะเรียนรู้และก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว อย่างช่วงโควิด 19 นี่เห็นชัดมาก เราไม่เก่งออนไลน์ แต่ก็ไม่ปิดกั้น เมื่อเราไร้ตัวตน เราก็พร้อมเรียนรู้ทั้งจากอัพไลน์และคนในองค์กร ทำให้เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ครับ”

ทั้งคู่จึงพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ความสำเร็จในลำดับขั้นต่อไปโดยมีธงชัยปักนำทางว่า “เราจะเติบโตต่อเพื่อทีม เพื่อองค์กร เพื่อบริษัท เพื่อช่วยเหลือ และเป็นต้นแบบให้กับคนที่เดินตามเรามาค่ะ” คุณกุ้งบอกความตั้งใจ “เราสองคนไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่เรามีฝัน มีเป้าหมาย เราจึงมุ่งมั่นเรียนรู้และทำความเข้าใจธุรกิจให้ถ่องแท้ เพราะเชื่อว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นด้วยการลงมือทำ เราโชคดีที่เจอธุรกิจนี้ซึ่งตอบโจทย์ ขอแค่ตั้งใจ ลงมือทำอย่างมีเป้าหมาย ทุกคนก็จะไปถึงความสำเร็จได้ค่ะ (ยิ้ม)” เส้นทางต่อจากนี้ไปคือการมอบโอกาสและความสำเร็จให้กับผู้คนผ่านการสื่อสารที่เรียบง่ายและข้อมูลที่เป็นจริง “เราพยายามสื่อสารอย่างเรียบง่ายที่สุด จัดระบบวิธีทำธุรกิจให้ทำตามและเลียนแบบได้ง่ายที่สุด เพราะอยากให้ทุกคนได้รับความสำเร็จในธุรกิจนี้เหมือนที่เราได้รับ ดังนั้น ทุกคนครับ ถ้าความสำเร็จในธุรกิจนี้คือสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ ลองถามตัวเองครับว่า why not now, why not me แล้วลงมือทำทันทีเพื่อจะก้าวสู่การเป็นคนสำเร็จในธุรกิจนี้ไปด้วยกันครับ”