การเติบโตของโซเชียลคอมเมิร์ซและอนาคตของการเป็นนักธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยแพสชั่น
ในฟีด Instagram ของพรามิลลา โอห์ลสัน (Pramilla Ohlson) เต็มไปด้วยภาพผักผลไม้สีสันหลากหลาย สูตรอาหาร และบทสนทนาต่างๆ ไม่ว่าเธอจะแชร์วิดีโอส่วนตัวเกี่ยวกับการผสมสมูททีในตอนเช้า การวิ่งยามเช้ารอบๆ หมู่บ้านในนครมุมไบ หรือเซลฟีกับลูกๆ ขณะกำลังนั่งกินอาหารสุขภาพ จะเห็นว่ามีผู้ติดตามแสดงความคิดเห็นและพูดคุยกันอยู่ใต้เนื้อหาแต่ละเรื่องเสมอ
เรื่องนี้อาจฟังดูไม่แตกต่างจากอินฟลูเอนเซอร์รุ่นใหม่ๆ ในโซเชียลมีเดียทั่วไป แต่ถ้ามองลึกลงไป คุณจะเห็นว่า Instagram ของพรามิลลา เป็นตลาดธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งที่มียอดผู้ติดตามเติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่า 68,000 คน เธอกำลังสร้างคอมมูนิตีออนไลน์และกระบวนการขาย (sales pipeline) ไปพร้อมกัน โดยผสานความสัมพันธ์ทางโซเชียลของตนเองเข้ากับระบบช้อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวกง่ายดายของแอมเวย์ นี่คือตัวอย่างของรูปแบบธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยวัย 40 ปี พรามิลลายังเป็นภรรยาและคุณแม่ที่ทุ่มเทของลูกสาววัยรุ่น เดิมทีเธอไม่ค่อยมีเวลาให้กับโซเชียลมีเดียมากนัก เมื่อสองปีก่อนเธอยังไม่มี Instagram ทั้งยังไม่รู้จักวิธีถ่ายภาพหรือวิดีโอคุณภาพสูงแม้แต่น้อย จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน วิดีโอเรื่องหนึ่งของเธอกลายเป็นไวรัลที่มียอดผู้ชมมากกว่า 1.8 ล้านครั้ง... เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
Facebook & Amazon และประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ทันสมัย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทศวรรษที่ผ่านมาถูกกำหนดด้วยความสำเร็จที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของโซเชียลแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และอีคอมเมิร์ซทรงอิทธิพลอย่าง Amazon ในขณะกำลังเขียนบทความนี้ Facebook มียอดผู้ใช้งานกว่า 1.7 พันล้านคนทั่วทั้งแพลตฟอร์ม Facebook Instagram และ WhatsApp หลายแบรนด์ดังเน้นความสำคัญของ Facebook โดยใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ในการโฆษณา กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และขายผลิตภัณฑ์และบริการต่อผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม การช้อปปิ้งออนไลน์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Amazon ซึ่งเป็นการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ง่าย มอบประสบการณ์ประทับใจให้กับลูกค้า และมีช่องทางการจัดส่งที่รวดเร็วจนน่าทึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น หากเปรียบแอมะซอนเป็นประเทศหนึ่ง ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดถึง 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จะถือว่า Amazon เป็นหนึ่งในสิบประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงที่สุดในโลก!
ความสัมพันธ์บนสังคมออนไลน์ในโลกยุคนี้ซึ่งแยกออกอย่างชัดเจนจากเรื่องธุรกิจ มีความแตกต่างจากพฤติกรรมผู้บริโภคในอดีตที่มีมาหลายทศวรรษและศตวรรษ สมัยเป็นเด็กในประเทศอินเดีย เมื่อใดก็ตามที่ไปซื้อของกับคุณแม่ สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเสมอคือความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณแม่กับคนขาย ในการเดินรอบๆ ตลาด สีสัน กลิ่น เสียง บรรยากาศเร่งรีบและความจอแจ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางสังคมทั้งสิ้น เช่นเดียวกันกับการซื้อขายในแวดวงเพื่อนบ้าน เมื่อ 60 กว่าปีก่อน แอมเวย์ได้ก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดการสร้างความสัมพันธ์พิเศษส่วนตัวของนักธุรกิจหรือผู้จำหน่าย เชื่อมโยงกับเพื่อน ครอบครัว เพื่อนบ้านในท้องถิ่น และคอมมูนิตี ซึ่งถือเป็นต้นแบบของ “ผู้ขายผ่านโซเชียล” แม้แต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19 ประสบการณ์ช้อปปิ้งสมัยใหม่ในหลายๆ ที่ก็คือการที่ครอบครัวหรือเพื่อนไปเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน เข้าร้านหนึ่ง ไปต่อที่อีกร้านหนึ่ง แวะซื้ออาหารมื้อเที่ยง และบางทีก็ไปดูหนังต่อในช่วงบ่าย
2563 เป็นปีที่เปลี่ยนแปลงหลายๆ สิ่ง ทั้งยังเร่งเทรนด์การช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์ โซเชียล และโทรศัพท์มือถือที่กำลังมาแรงให้เติบโตเร็วยิ่งขึ้น เมื่อบริษัทอย่าง Facebook และ Amazon ขยายขนาดธุรกิจอย่างรวดเร็ว กระแสที่เกิดขึ้นควบคู่กันจึงยิ่งได้รับความนิยมและมีศักยภาพที่จะเร่งกำลังธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซในช่วงเริ่มต้นได้อย่างเต็มที่ ใช่เลย การขายผ่านโซเชียลมีมานานหลายปีแล้วในบางช่องทาง แต่ยังคงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดและปฏิบัติกันอย่างไม่ถูกต้องในวงกว้าง ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแพสชั่น (Passion Economy) สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแพสชั่นและการมองโลกตะวันออกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแพสชั่นสร้างขึ้นจากนักธุรกิจที่กำลังมองหาอิสรภาพพร้อมทั้งความยืดหยุ่นในการทำตามแพสชั่นของตน นักธุรกิจเหล่านี้ (หรือ “ครีเอเตอร์”) ส่วนใหญ่เป็นไมโครอินฟลูเอนเซอร์ เช่น พรามิลลา โอห์ลสัน ซึ่งสร้างคอมมูนิตีของผู้ติดตามพร้อมทั้งสร้างรายได้จากแพสชั่นของตนในเรื่องสุขภาพ กิจกรรมท้าทาย การออกกำลังกาย ความงาม การทำอาหาร การเลี้ยงลูก และอื่นๆ อีกมากมาย วิกฤตจากการถูกพักงานและการถูกให้ออกจากงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ความต้องการเป็นนักธุรกิจและหารายได้เสริมพุ่งสูงขึ้นในกลุ่มคนที่อยากจะสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง (Personal Brand) ตามแพสชั่น
เมื่อมองไปยังอนาคต จีนอาจเป็นผู้บุกเบิกในการนำเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแพสชั่นมาผสานเข้ากับสื่อโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ เพื่อผลักดัน ‘โซเชียลคอมเมิร์ซ’ อย่างแท้จริง
ในปี 2562 ช่วง 100 วันแรกของการ 'รับฟังและเรียนรู้' ของผม ในฐานะซีอีโอ เราเดินทางไปทั่วประเทศจีนเพื่อเรียนรู้วิธีที่นักธุรกิจใช้แอป WeChat สร้างคอมมูนิตีจากแพสชั่นของเขาและสร้าง รายได้จากประสบการณ์การทำธุรกิจแบบไร้รอยต่อ เรายังเดินทางไปที่นครหางโจวเพื่อศึกษาเว็บไชต์ Taobao และความเป็นไปได้ในการใช้แพลตฟอร์มถ่ายทอดสดออนไลน์ที่ยังเป็นเรื่องใหม่ในขณะนั้น แพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ Pinduoduo, Kuaishou, Bytedance, Xiaohongshu และอื่น ๆ เป็นตัวอย่างโมเดลที่ผสานธุรกิจเข้ากับโซเซียลมีเดีย เช่นเดียวกับตอนที่ประชุมร่วมกับทีม Kakao ที่กรุงโซล เราได้รับแรงบันดาลใจจากวิธีที่พวกเขาสร้างต้นแบบในการนำธุรกิจเข้าไปอยู่ในแอป KakaoTak ได้อย่างรวดเร็ว โดยแอปนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก และปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในธุรกิจของเราที่เกาหลี
“การค้นหาผลิตภัณฑ์ผ่านสายตาของผู้คนที่คุณชื่นชม”
โมเดลที่เกิดขึ้นใหม่ของโซเชียลคอมเมิร์ซจะรวมพลังของคอมมูนิตีออนไลน์ (Facebook Model) เข้ากับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ง่ายและสะดวกรวดเร็ว (Amazon Model) เมื่ออดัม มอสเซอริ (Adam Mosseri) หัวหน้าทีมสร้างแพลตฟอร์ม ถูกถามถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซบน Instagram เขาตอบว่ารู้สึกตื่นเต้นที่สุดกับการช้อปปิ้งจากครีเอเตอร์ในอนาคต “ผมคิดว่าส่วนหนึ่งของประสบการณ์ช้อปปิ้งในอนาคตก็คือการค้นหาผลิตภัณฑ์ผ่านสายตาของบุคคลที่คุณชื่นชมและติดตามอยู่”
ความคิดนี้ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะโซเชียลคอมเมิร์ซไม่ได้เป็นเพียงอีคอมเมิร์ซบนโซเชียลแพลตฟอร์ม และไม่ใช่การเชิญชวนผู้ติดตามให้ “ซื้อเลยตอนนี้!” หรือโชว์ภาพผลิตภัณฑ์สวยๆ หรือให้ลิงก์ไปที่หน้าชำระเงินที่ปลอดภัย องค์ประกอบการทำธุรกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องรอง ที่จริงแล้วโซเชียลคอมเมิร์ซคือวิธีการสร้างหรือดูแลรักษาความสัมพันธ์บนโซเชียลมีเดียในขณะที่การขายเป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ สรุปคือ โซเชียลคอมเมิร์ซเป็นการซื้อจากเพื่อน คนที่คุณไว้วางใจ คนที่คุณชื่นชม คนที่คุณกำลังติดตาม
ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่แท้จริงและการแลกเปลี่ยนด้วยคุณค่าสำคัญยิ่งกว่าการแลกเปลี่ยนด้วยเงินทุกรูปแบบ ปัจจัยที่ทำให้การขายแบบเผชิญหน้าได้ผลดีจะเป็นหัวใจที่ทำให้โซเชียลคอมเมิร์ซมีประสิทธิภาพเช่นกัน ดังนั้น คุณไม่ได้กำลังเปลี่ยนกฎของเกม คุณเพียงแค่เปลี่ยนสื่อเท่านั้น
ใครก็ได้ ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแชร์แพสชั่นก็เป็นครีเอเตอร์ได้
ความมีเสน่ห์ เห็นอกเห็นใจ และเข้าถึงง่าย ยังไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องแชร์แพสชั่นที่แท้จริงและ ‘รักการเรียนรู้’ ในพื้นที่หรือหัวข้อที่สร้างความตื่นเต้นให้คุณด้วย ผู้ขายผ่านโซเชียลที่ดีที่สุดจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อบางสิ่งบางอย่างและรักบางสิ่งบางอย่างก่อนที่คุณสามารถจะคิดขายอะไรสักอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการหลงใหลในเรื่องสุขภาพความงาม การขี่จักรยาน หรือความเป็นอยู่ที่ดี การนำความเข้าใจและความอยากรู้ของคนในแวดวงนั้นๆ ออกมาสู่พื้นที่หรือหมวดหมู่เนื้อหาใด จึงนับเป็นภารกิจสำคัญ ตัวอย่างคือ นักธุรกิจแอมเวย์และครีเอเตอร์ มินคีคิม (Min Ki Kim) นักกีฬาฉายา Ironman จากกรุงโซล เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการออกกำลังกายและสมรรถภาพร่างกาย ประสบการณ์ตรงจากความทุ่มเทของเขาทำให้เขาฉายพลังความรอบรู้ในขณะแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งแบรนด์ใหญ่ที่ไร้จุดเด่นหรือขาดเอกลักษณ์อาจไม่มี แองเจลิก้า ชาตูลินา (Angelika Shatulina) จากกรุงมอสโก เป็นทั้งคุณแม่และนักธุรกิจที่สดใสมีชีวิตชีวา เธอชื่นชอบด้านความงามและสุขภาพ มาคิโกะซัง (Makiko-san) จากกรุงเกียวโต มีแพสชั่นเรื่องการทำอาหารสุขภาพและสร้างแรงบันดาลใจในการสลับหลากหลายบทบาทในชีวิต ภารดี (Paradee) จากกรุงเทพฯ ผสานการออกกำลังกายกับความงามเข้าด้วยกันในคอมมูนิตีที่มีความหลากหลาย ดานิโล (Danilo) จากประเทศบราซิล เป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านดิจิทัล คลั่งไคล้การออกกำลังกายและอีกหลายเรื่อง จำนวนครีเอเตอร์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยไร้ขีดจำกัดด้านศักยภาพ
ที่แอมเวย์ เรามักพูดว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณในการเป็นนักธุรกิจร่วมกับเราประกอบด้วย 3 P คือ Passion (แพสชั่น) Positive Attitude (ทัศนคติบวก) และ Phone (โทรศัพท์) คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินทุน การศึกษาสูง หรือประสบการณ์การขาย หากคุณมีครบ 3 P คุณก็สามารถเป็นนักธุรกิจ... และครีเอเตอร์
แอมเวย์กำลังอยู่บนเส้นทางการพัฒนาการขายตรงแบบดั้งเดิมไปสู่โซเชียลคอมเมิร์ซ นักธุรกิจแอมเวย์คือผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำของวิวัฒนาการนี้ทั่วโลก โอกาสที่ดีที่สุดของเราคือการสร้างคอมมูนิตีออนไลน์และเชื่อมโยงไปสู่ออฟไลน์ ซึ่งเป็นการปฏิสัมพันธ์แบบเห็นหน้าที่สร้างขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมาแล้วหลายทศวรรษ เราเชื่อว่าออนไลน์จะไม่สามารถแทนที่ประสบการณ์ของมนุษย์ได้ทั้งหมด แม้กระทั่งในโลกหลังการแพร่ระบาดครั้งนี้ เราเชื่อว่า ‘ความดึงดูดใจ’ ของโซเชียลคอมเมิร์ซจะมาจากความเชื่อถือและความภักดีที่เกิดจากสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งของมนุษย์
ทศวรรษที่ผ่านมาจึงเป็นเรื่องราวของความสำเร็จที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของโซเชียลแพลตฟอร์ม เช่น Facebook และบริษัทอีคอมเมิร์ซ เช่น Amazon ในหลายปีข้างหน้า โมเดลธุรกิจแบบใหม่จะมีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในระดับโลก ซึ่งก็คือโซเชียลคอมเมิร์ซที่มาพร้อมกับครีเอเตอร์ซึ่งเป็นหัวใจของคอมมูนิตีที่มีพลังอันเกิดจากแพสชั่นล้วนๆ เราจะริเริ่ม ลงทุนในเชิงรุก ทดสอบ เรียนรู้ และร่วมทำงานกันด้วยเป้าหมายของการมอบโอกาสให้กับใครก็ได้ ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อสร้างครีเอเตอร์