สุขภาพ
ควรกินน้ำตาลวันละกี่กรัม? ลดหวานยังไงให้ปลอดภัย หุ่นไม่พัง
สำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยทำงานแนะนำกินน้ำตาลวันละไม่เกิน 16 - 24 กรัม ส่วนผู้สูงอายุและเด็ก ควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัมต่อวัน

Key Takeaway

  • ผู้ใหญ่แนะนำกินน้ำตาลไม่เกิน 16 - 24 กรัม ส่วนผู้สูงอายุและเด็ก ควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัมต่อวัน
  • หากกินน้ำตาลเกินทำให้เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคหัวใจ ทั้งยังทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยและเกิดการอักเสบในร่างกายได้ง่าย
  • การลดหวานและงดน้ำตาลกะทันหันอาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิดง่าย หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว และหิวมาก เพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ได้และขาดพลังงานชั่วคราว
  • แนะนำให้ค่อยๆ ลดความหวานในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ลดจาก 100% เป็น 75% จากนั้นเป็น 50% และ 25% ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพิ่มโปรตีน ไขมันดี และไฟเบอร์ เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและควบคุมความอยากหวานได้

ควรกินน้ำตาลวันละกี่กรัม? สำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยทำงานแนะนำกินน้ำตาลวันละไม่เกิน 16 - 24 กรัม ส่วนผู้สูงอายุและเด็ก ควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัมต่อวัน  

แต่รู้หรือไม่? คนไทยกินน้ำตาลเฉลี่ยสูงถึงวันละ 100 กรัม ซึ่งมากกว่าค่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำถึง 4 เท่า! เพราะคนไทย “ติดหวาน” โดยเฉพาะในเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล น้ำชง น้ำชา ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทั้งโรคเบาหวานและโรคหัวใจเลย1

แต่ละช่วงวัย ควรกินน้ำตาลวันละกี่กรัม?

  1. เด็กอายุ 6 - 13 ปี ห้ามกินน้ำตาลเกินวันละกี่กรัม? ควรกินน้ำตาลไม่เกินวันละประมาณ 16 กรัม1 เพื่อป้องกันฟันผุและลดความเสี่ยงโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในอนาคต
  2. วัยรุ่นอายุ 14 - 25 ปี ควรกินน้ำตาลไม่เกินวันละ 24 กรัม1 เพราะวัยนี้มีการเติบโตและต้องการพลังงานสูง แต่ยังต้องดูแลเรื่องสุขภาพและควบคุมปริมาณน้ำตาลเพื่อป้องกันโรค
  3. วัยทำงาน 26 - 60 ปี การกินน้ำตาลไม่ควรเกินวันละ 16 กรัม1 เพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน
  4. ผู้ที่ใช้พลังงานมาก กินไม่เกิน 32 กรัม1 เพื่อสุขภาพที่ดี แต่สามารถรับพลังงานจากแหล่งอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล เช่น คาร์โบไฮเดรตจากธัญพืช ผลไม้ และผัก
  5. ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรจำกัดน้ำตาลในปริมาณที่ต่ำกว่า 16 กรัม1 เพราะมีความเสี่ยงสูงกับโรคเรื้อรังและการทำงานของตับอ่อนที่ลดลง

หมายเหตุ! 1 ช้อนชา มีน้ำตาลประมาณ 4 กรัม

ปริมาณน้ำตาลที่ควรกินหมายถึงน้ำตาลเสริมทั้งจากการเติมเองและในอาหารแปรรูป ไม่รวมถึงน้ำตาลที่อยู่ในผลไม้สดหรือผักซึ่งอยู่ในรูปธรรมชาติและมีประโยชน์จากเส้นใยอาหาร

 แต่ละช่วงวัย ควรกินน้ำตาลวันละกี่กรัม

ทำไมไม่ควรกินน้ำตาลมากเกินไป?

ผลกระทบจากการงดน้ำตาลแบบทันทีและหักโหมเกินไป

  • รู้สึกหงุดหงิดง่าย เกิดจากร่างกายเกิดความเครียดและหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวนออกมา
  • หน้ามืด เวียนหัว เพราะสมองได้รับพลังงานไม่เพียงพอ คล้ายอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
  • ปวดหัวและอ่อนเพลีย เพราะสมองขาดพลังงานและระบบประสาททำงานผิดปกติ เป็นเหตุให้ปวดหัวและรู้สึกอ่อนเพลียบ่อยๆ
  • รู้สึกหิวมากและขาดพลังงาน น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย เมื่อขาดน้ำตาลแบบทันที ร่างกายจะส่งสัญญาณหิวมากและรู้สึกขาดพลังงานเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • เสี่ยงติดหวานและเพิ่มความอยากอาหาร การงดน้ำตาลกะทันหันทำให้ร่างกายปรับตัวด้วยการเพิ่มความอยากน้ำตาลและอาหารหวาน ซึ่งอาจทำให้กลับมากินน้ำตาลมากขึ้นอีกหรือเสี่ยงต่อภาวะติดหวาน

วิธีลดหวานแบบค่อยๆ ไม่หักโหม

ใครที่อยากลดน้ำตาลในเลือดภายใน 1 อาทิตย์ ห้ามพลาดวิธีต่อไปนี้!

รวมเมนูอาหารน้ำตาลต่ำ ลดหวานได้ผล

เมนูอาหารคาว

  • ยำวุ้นเส้นใส่ผักสด เมนูยำที่ใช้วุ้นเส้นและผักสดหลายชนิด ให้รสชาติเปรี้ยวเผ็ดแต่ไม่เติมน้ำตาล ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและให้ไฟเบอร์สูง
  • ต้มยำกุ้งน้ำใส ต้มยำรสจัดจ้านที่ไม่ใส่น้ำตาล หรือใส่น้อยมาก เน้นความสดของสมุนไพรและเครื่องต้มยำ ช่วยกระตุ้นระบบย่อย
  • ผัดผักรวมมิตรใส่น้ำมันมะกอก ผักหลากสีผัดด้วยน้ำมันมะกอกแท้ ใส่กระเทียมและพริกสด ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองลดโซเดียม ช่วยเพิ่มไฟเบอร์และไขมันดี
  • สลัดอกไก่ย่าง สลัดผักสดกับอกไก่ย่างไม่ติดมัน ราดน้ำสลัดน้ำมันมะกอกและมะนาวเพื่อสุขภาพและคุมระดับน้ำตาล
  • แกงจืดเต้าหู้หมูสับ แกงจืดใส่เต้าหู้อุดมด้วยโปรตีนและเนื้อหมูสับปรุงรสด้วยเครื่องเทศและผักสดโดยไม่เติมน้ำตาล

เมนูอาหารว่างและของกินเล่น

  • ถั่วอบเกลือ ถั่วอบกรอบรสเค็มเล็กน้อย เป็นแหล่งโปรตีนและไขมันดี ช่วยให้อิ่มนาน ไม่เติมน้ำตาล
  • ผลไม้สด เลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ เช่น ฝรั่ง ส้ม หรือแตงโม เป็นของว่างที่สดชื่นและดีต่อสุขภาพ
  • โยเกิร์ตธรรมชาติไม่หวาน โยเกิร์ตชนิดไม่มีน้ำตาล ช่วยเสริมจุลินทรีย์ในลำไส้และลดความอยากของหวาน
  • แคร็กเกอร์ธัญพืชไม่มีน้ำตาล แคร็กเกอร์ที่ทำจากเมล็ดธัญพืชหลากหลายชนิด ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม มีไฟเบอร์สูง เมนูสำหรับคนลดหวาน
  • ผักสดทานคู่กับน้ำพริก เช่น แคร์รอต แตงกวา หรือกะหล่ำปลี ราดน้ำพริกสูตรไม่หวาน เป็นของว่างสุขภาพดีและอุดมด้วยไฟเบอร์

เมนูเครื่องดื่มสูตรน้ำตาลต่ำ

  • เพียวมัทฉะ ช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึม เพราะมีสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและพลังงานในร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และลดการอักเสบในร่างกาย
  • น้ำสมุนไพรสด เช่น น้ำตะไคร้ น้ำใบเตย หรือน้ำอัญชัน ให้ประโยชน์และความหวานธรรมชาติจากพืชโดยไม่เติมน้ำตาลเพิ่ม
  • กาแฟดำเย็น กาแฟดำไม่เติมน้ำตาล สามารถเพิ่มนมพร่องมันเนยแทนความหวานได้เล็กน้อย ช่วยลดปริมาณน้ำตาลรวมในเครื่องดื่ม
  • น้ำผักผลไม้สกัดเย็นไม่เติมน้ำตาล น้ำผักผลไม้สดที่สกัดเย็น เช่น แอปเปิล ผักขึ้นฉ่าย ช่วยบำรุงสุขภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาลเพิ่ม

เมนูของหวานน้ำตาลต่ำ

  • โยเกิร์ตกับเบอร์รีสด โยเกิร์ตธรรมชาติผสมผลเบอร์รีที่ไม่หวานจัด เป็นเมนูของหวานที่ช่วยเติมโพรไบโอติกให้ระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น ไฟเบอร์ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  • ถั่วเขียวต้มไม่ใส่น้ำตาล ช่วยลดน้ำตาลได้เพราะไม่เติมน้ำตาลเพิ่ม ทำให้ไม่มีน้ำตาลทรายเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เหมาะสำหรับคนต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ป่วยเบาหวาน
  • แอปเปิลอบโรยอบเชย แอปเปิลอบแทนของหวานทอด แอปเปิลมีไฟเบอร์สูงช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ส่งเสริมการขับถ่ายและลดการดูดซึมน้ำตาล ส่วนอบเชยยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลในร่างกาย ทำให้ระบบเมตาบอลิซึมทำงานดีขึ้น ช่วยควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลได้

ปริมาณน้ำตาลกับอาหาร

สรุป

วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่วัยทำงานแนะนำกินน้ำตาลวันละไม่เกิน 16 - 24 กรัม ส่วนผู้สูงอายุและเด็กควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัม เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและช่วยควบคุมน้ำหนัก เพราะหากกินน้ำตาลเกินจะเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ และยังทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยและเกิดการอักเสบในร่างกายได้โดยง่าย

การลดหวานทันทีอย่างหักโหมอาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิด หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว และความหิวที่รุนแรง เนื่องจากร่างกายยังไม่ปรับตัว ควรลดความหวานอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และเพิ่มโปรตีน ไขมันดี และไฟเบอร์ในมื้ออาหาร เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและควบคุมความอยากอาหารหวาน

FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินน้ำตาล

ไอศกรีม 1 ลูก ขนาดประมาณ 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 24 - 36 กรัม น้ำตาลในไอศกรีมขึ้นกับชนิดและสูตรผลิตภัณฑ์ โดยไอศกรีมมาตรฐานมักมีน้ำตาลในระดับนี้ ดังนั้น ควรกินแต่พอดีและเลือกชนิดไขมันและน้ำตาลต่ำเพื่อสุขภาพ

เครื่องดื่มหวาน 50% จะมีน้ำตาลประมาณ 12 - 16 กรัม หรือ 7.3 กรัมต่อเครื่องดื่ม 100 กรัม ซึ่งเป็น 80% ของปริมาณน้ำตาลที่ควรกินต่อวัน ส่วนเครื่องดื่มหวาน 100% มีน้ำตาลประมาณ 14.6 กรัมต่อเครื่องดื่ม 100 กรัมซึ่งคิดเป็น 110% ของปริมาณน้ำตาลที่ควรกินต่อวัน

เครื่องดื่มน้ำตาล 0 ใช้สารให้ความหวานเทียมแทนน้ำตาลจริง ซึ่งโดยทั่วไปปลอดภัยถ้าดื่มในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากดื่มมากเกินไปอาจมีผลข้างเคียง เช่น ปัญหาทางระบบย่อยอาหารหรือเสี่ยงกับภาวะความไวต่อน้ำตาลเทียมได้

References

  1. โรงพยาบาลบางปะกอก 3. ปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมแต่ละช่วงวัย. bangpakok3.com. Published 8 January 2024. Retrieved 1 August 2025.

  2. ศูนย์เบาหวาและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา. เบาหวาน กับ ความอ้วน. synphaet.co.th. Published 22 July 2020. Retrieved 1 August 2025.

  3. โรงพยาบาลธนบุรี เสริมรัฐ. เบาหวาน เบาใจ. thonburisermrath.co.th. Retrieved 1 August 2025.

  4. Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ. หวานซ่อนโรค ผลกระทบต่อร่างกายถ้ากินน้ำตาลต่อวันมากเกิน. hfocus.org. Published 26 October 2022. Retrieved 1 August 2025.

  5. POBPAD. น้ำตาล ภัยร้ายที่มาพร้อมความหวาน. pobpad.com. Retrieved 1 August 2025.

  6. กรมสุขภาพจิต. ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า. dmh.go.th. Retrieved 1 August 2025.

  7. โรงพยาบาลบางปะกอก 3. กินหวานมากไป เสี่ยงผิวแก่ก่อนวัย. bangpakok3.com. Published 3 August 2023. Retrieved 1 August 2025.

  8. Juliette Kellow. Which is healthier: honey or sugar?. healthyfood.com. Published 16 November 2020. Retrieved 28 August 2025.

Chat with bot