เป็นข้าราชการในอำเภอเล็กๆ ห่างไกลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งคู่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 30 ปีก่อนที่การเดินทางไม่สะดวก เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า ผู้คนก็ยังไม่มีความเข้าใจในธุรกิจมากนัก แต่เพราะเชื่อมั่นว่านี่คือธุรกิจที่จะเปิดชีวิตไปสู่โลกกว้างได้ ทั้งคู่จึงไม่เคยออกนอกลู่ ไม่เคยหยุดเดิน และในที่สุดก็มาถึงเส้นชัยได้สำเร็จ!
เริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ค่ะ น้องสาวสมัครทำธุรกิจ เราก็ซื้อผลิตภัณฑ์จากเขา จำได้ว่าชิ้นแรกที่ใช้คือผงซักฟอก ปรากฏว่าใช้ไม่เป็น ทำไมมันไม่ค่อยมีฟองเลย (หัวเราะ) ด้วยความสงสัย น้องสาวเลยชวนให้เข้ามาเรียนรู้ว่าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ยังไงให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด พอไปเรียนรู้ก็ประทับใจ จากนั้นก็ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มจนตัดสินใจทำธุรกิจ แต่ก็ยังไม่รู้จักวิธีปิดการขาย เพราะส่วนใหญ่ไปสาธิตอย่างเดียว เหมือนไปให้ความรู้ พอสาธิตเสร็จก็กลับเลย บางคนถามว่ามาทำอะไร ไม่เห็นขายอะไรเลย (ยิ้ม)
ผมได้พบกันตอนคุณตั่วตอนมาสาธิตผลิตภัณฑ์ครับ ผมไม่ได้สนใจของแต่สนใจคนสาธิต (หัวเราะ) จนกระทั่งแต่งงานกันผมก็ยังไม่เคยคิดจะทำธุรกิจ ไม่คิดแม้แต่จะใช้ผลิตภัณฑ์ ภรรยาอยากทำก็ทำ ผมมีหน้าที่แค่ขับรถไปส่งคุณตั่วเข้าที่ประชุมแล้วก็นั่งรออยู่ในรถ พอไปบ่อยครั้งเข้า น้องๆ ก็ชวนเข้าไปนั่งในที่ประชุมด้วยกัน ผมก็ฟังแต่ไม่ได้สนใจครับ
ผมเป็นครูประชาบาลในอำเภอเล็กๆ ไม่เคยไปต่างประเทศเลย มองไม่เห็นโอกาสที่จะได้ไป ไม่เคยคิดและไม่เคยฝันด้วยเพราะไม่น่าเป็นไปได้ จนกระทั่งคุณตั่วสำเร็จเป็นระดับแพลตินัม ผมจึงได้ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นมากว่า โอ้ ครูตัวเล็กๆ จะได้ไปเที่ยวสหรัฐอเมริกานะ พอกลับมาก็ยังตื่นเต้น รู้สึกว่าได้ไปท่องโลกกว้าง ชีวิตก้าวมาอีกระดับ เห็นผู้คนมากมายที่อยู่ในธุรกิจ เปิดโลกทัศน์ว่าทุกอย่างเป็นไปได้
ตอนนั้นพี่ชุ้นจัดกระเป๋าก่อนเลยค่ะ (ยิ้ม) มีระเบียบว่าถ้าข้าราชการจะไปต่างประเทศต้องขออนุญาตที่กระทรวง ซึ่งพี่ชุ้นขอล่วงหน้าไปสองเดือนแต่ก็เกือบไม่ได้ไป เพราะถูกถามกลับมาว่ามีค่าใช้จ่ายมั้ย เราตอบไปว่าไม่มี เขาก็ไม่เชื่อคงเพราะไม่เชื่อว่าธุรกิจนี้จะให้ได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็พิสูจน์แล้ว เราอยู่กับธุรกิจแอมเวย์มา 34 ปี ไปเที่ยวกับแอมเวย์มา 25 ทริป ทุกอย่างในทริปที่เราได้รับคือ The Best โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยค่ะ (ยิ้ม)
คิดว่าที่สำเร็จได้ในวันนี้ก็เพราะปุ๋ยที่ชื่อว่า ‘เวลา’ เราทำธุรกิจแอมเวย์ควบคู่ไปกับงานประจำ สิ่งหนึ่งที่กลัวมากตอนนั้นคือ กลัวคนจะมองว่าเราเบียดบังเวลางาน ก็เลยยิ่งตั้งใจทำงานประจำให้ดี ให้เข้มข้น แล้วค่อยใช้เวลาในวันหยุดมาทำธุรกิจ แต่ก็เป็นการทำแบบไม่มีแผน ใช้ดีบอกต่ออย่างเดียว ถึงจะช้าแต่ก็ตั้งใจว่าจะไม่หยุดเดิน เพราะเราเห็นแล้วว่าในธุรกิจนี้ทุกคนมีลู่ของตัวเอง ไม่แก่งแย่งกัน แค่ก้าวเดินไปไม่หยุดก็จะถึงเส้นชัยตรงหน้าได้แน่นอน
ธุรกิจแอมเวย์พาชีวิตผมออกไปสู่โลกกว้าง ให้ความมั่นใจว่าเราจะมีความสุข จะได้พัฒนาตัวเอง และทำให้ผมรู้ว่าการทำธุรกิจนี้ไม่ต่างจากการเป็นครู เพราะเราได้ออกไปให้ความรู้ ให้โอกาสกับผู้คน นี่ทำให้ผมกล้าออกจากราชการมาทำธุรกิจเต็มตัว เมื่อก่อนใครๆ ก็แซว เรียกผมว่าครูแอมเวย์ แต่ตอนนี้หลายคนมองผมแล้วอิจฉา บอกว่าผมโชคดี ผมก็บอกว่าผมไม่ได้โชคดี แต่ผมมีภรรยาที่ดี ภรรยาที่ทำธุรกิจแอมเวย์ครับ (ยิ้ม)
การที่ได้อยู่ในบรรยากาศของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทำให้เราเกิดความมั่นใจ เกิดความกล้าที่จะก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็คิดได้ว่า เราใช้งานองค์กรมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรให้อัปไลน์ภูมิใจเลย จึงกล้าตัดสินใจที่จะเป็นเพชร ถึงจะช้าแต่ก็ทำให้รู้ว่าในธุรกิจแอมเวย์ไม่มีอะไรสายเกินไป และเราก็มาถึงความสำเร็จได้ในที่สุดค่ะ
ผมยืนยันว่า ธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องขายเก่งครับ เพราะผมเองก็พูดไม่ค่อยเก่ง อาศัยว่าเราใช้ผลิตภัณฑ์แล้วแนะนำไปเรื่อย บอกไปเรื่อย คนอื่นจะสนใจหรือไม่สนใจก็แล้วแต่เขา เมื่อก่อนผมมองชีวิตตัวเองว่าคงเป็นครูไปจนเกษียณ มีเงินบำนาญใช้ ทำสวนไปตามเรื่อง แต่พอมาอยู่ตรงนี้ทำให้ผมก้าวผ่านความคิดนั้นได้ ชีวิตผมไม่ได้หยุดอยู่แค่ครูเกษียณที่นั่งรอรับเงินบำนาญ ธุรกิจแอมเวย์เปิดโลกกว้าง ให้สังคมที่ดี และให้โอกาสกับชีวิตของเราครับ
รู้สึกโชคดีที่มาเจอธุรกิจที่ใช่ค่ะ เราเติบโตช้าแต่เราไม่เคยท้อ ไม่เคยทิ้ง ไม่ถอดใจ คิดแค่ว่าถ้ายังไม่เก่งก็ต้องเรียนรู้ต่อไป ธุรกิจแอมเวย์ทำให้เรารู้ว่า ขอแค่ก้าวไม่หยุดก็จะไปถึงเส้นชัยได้ วันนี้รูปแบบธุรกิจพัฒนาไปมาก มีช่องทางหลากหลาย น้องๆ ที่เข้ามาตอนนี้ถือว่าโชคดีมาก ดังนั้นรีบจัดเลยค่ะ อย่ารอช้า เข้าบรรยากาศ เรียนรู้ต่อเนื่อง ใช้ผลิตภัณฑ์ ตลาดอยู่ที่ปาก เราใช้ผลิตภัณฑ์มาก เมื่อเราเปิดปาก ธุรกิจก็จะเปิดตาม ความสำเร็จในวันนี้ของเราทั้งคู่เป็นอนาคตของทุกคนที่กำลังทำธุรกิจนี้อยู่ แต่อนาคตของแต่ละคนจะมาถึงเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะ (ยิ้ม)
สมัคร
ระดับแพลตินัม
ระดับทับทิม
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา
ระดับไพลิน
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา
ระดับมรกต
ระดับมรกตสองผู้สถาปนา
ระดับเพชร
เคยเข้ามาเรียนรู้ธุรกิจแอมเวย์ในช่วงที่คนหนึ่งเพิ่งเรียนจบ ส่วนอีกคนยังเป็นนักศึกษา จากนั้นทั้งคู่ก็วางมือแล้วหันไปมุ่งมั่นกับงานประจำ แต่ภาพจำในใจคือ ธุรกิจแอมเวย์ให้ผลลัพธ์ที่อยากได้ ในที่สุดทั้งคู่จึงหวนกลับมาสู่ธุรกิจที่อยู่ในใจอีกครั้งด้วยมุมมองที่แตกต่างจากเดิม
ก่อนหน้านั้นเหมือนเรายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมากพอค่ะ ยังมีความเป็นตัวเราเยอะ เลือกที่จะทำธุรกิจในแบบของตัวเอง และสิ่งที่ได้คือยังไม่ใกล้ความสำเร็จค่ะ พอคิดได้ว่า ถ้าความเป็นเราทำให้สำเร็จได้ คงจะสำเร็จไปนานแล้ว เลยตัดสินใจเชื่ออัปไลน์ พอเชื่อและทำตามแบบ 100% ธุรกิจก็เติบโตเลยค่ะ (ยิ้ม)
ตอนแรกเราทำธุรกิจใน Comfort Zone เดิมก่อน คิดว่าวิธีการของเราไม่ได้ผิดอะไร เราเชื่อแบบนั้นมาตลอด จนท้ายที่สุดมาคิดได้ว่า เอ๊ย ไหนๆ เราปรึกษาอัปไลน์แล้ว งั้นลองเชื่อเขาให้หมดไปเลยดีกว่า ยิ่งเรื่องไหนที่อัปไลน์แนะนำมาแล้วรู้สึกว่าคิดเห็นไม่ตรงกันกับเรา เรื่องนั้นยิ่งต้องเชื่อเขา เชื่อทั้งที่เราไม่เห็นด้วยนี่ละ (ยิ้ม) เชื่อแล้วทำตาม แค่เดือนสองเดือนเห็นผลลัพธ์ที่ดีเลยครับ ผมจึงเชื่อมาตลอด ต้องขอบคุณพี่ภูมิ - พี่เปิ้ล (คุณภาคภูมิ นิติธรรม - คุณคริสมาส เสถียรวราภรณ์ นธอ.ระดับเพชรคู่สองผู้สถาปนา) มากๆ ครับ
การที่เราเชื่อในตัวเองตั้งแต่ต้นในงานที่เราไม่เคยทำมาก่อน ย่อมคิดไม่ออกอยู่แล้วค่ะว่าควรทำยังไง เหมือนกับการเดินทาง ถ้าเราจะไปในที่ที่เราไม่เคยไปมาก่อน เราต้องใช้ GPS นำทางเพื่อให้ไปถึงที่หมาย การทำธุรกิจแอมเวย์ก็เหมือนกัน เราไม่เคยเดินเส้นทางนี้ ถ้าทำตามความคิดตัวเอง ก็จะมองออกเฉพาะในกรอบของเรา แต่ถ้าเชื่ออัปไลน์ซึ่งเคยเดินในเส้นทางนี้มาก่อนก็เหมือนเราเชื่อ GPS เชื่อตามเขาก่อน ถึงที่หมายแล้วค่อยมาทำความเข้าใจทีหลังได้ อย่างตัวแม้วเองค่อนข้างจะเป็น Perfectionist ไม่ชอบความผิดพลาด ถ้าไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการจะรู้สึกผิดหวัง ไม่อยากทำแล้ว อัปไลน์สอนว่า อย่าเอาความสุขไปวางไว้กับจำนวนความสำเร็จ แต่ให้เอาไปวางไว้กับจำนวนเคสการทำงานที่เพิ่มขึ้น ให้คิดว่ายิ่งเจอคนปฏิเสธมากขึ้น เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นค่ะ (ยิ้ม)
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรู้ให้ชัดเจนก่อนว่าอยากมีชีวิตแบบไหนครับ ซึ่งคนส่วนมากจะไม่รู้ว่าอยากมีชีวิตแบบไหน จินตนาการไม่ออก เพราะคนรอบตัวเรามีชีวิตคล้ายเรา งั้นให้คิดใหม่ว่า ชีวิตแบบไหนที่เราไม่อยากได้แน่ๆ เช่น ไม่อยากตื่นเช้าไปทำงาน ธุรกิจนี้เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้หลุดจากไลฟ์สไตล์ที่เราไม่อยากได้ ต้องตระหนักเรื่องนี้ก่อน พอรู้เรื่องนี้แล้ววิธีการจะมาเอง นั่นคือทำตามระบบ มีอัปไลน์สอน มีทุกอย่างซัปพอร์ต ทีนี้ก็ง่ายแล้ว
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมครับ เราจะไม่อยากแตกต่างจากคนอื่น การที่กล้าแตกต่างต้องแข็งแกร่งมากเพราะต้องฝืนธรรมชาติ เราจะมีความรู้สึกแบบนี้ได้ต้องเข้าใจก่อนว่า มีแค่คนส่วนน้อยที่กล้าแตกต่าง นั่นละถึงจะได้ชีวิตที่ต้องการ เพราะงั้นการแตกต่างในทางที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดี เหมือนการทำธุรกิจครับ ตอนที่เราเลือกทำธุรกิจแอมเวย์จะมีคนส่วนมากไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคนที่ไม่เห็นด้วยไม่ได้มีปลายทางอย่างที่เราต้องการ เราไม่จำเป็นต้องเชื่อเขาครับ เชื่อตัวเอง เชื่อคนที่มีไลฟ์สไตล์อย่างที่เราต้องการดีกว่า เพราะจะทำให้เรากล้าก้าวไปข้างหน้า กล้ามองมุมอื่น อย่าไปคาดหวังให้ทุกคนเห็นด้วยกับคุณ แค่กล้าจะเชื่อและเดินตามคนที่คุณอยากมีชีวิตเหมือนเขาก็พอครับ (ยิ้ม)
แม้วรู้สึกว่า ชีวิตคนเราเกิดมาครั้งเดียว ทำไมต้องทนกับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ถ้าเราได้มีโอกาสรู้จักธุรกิจที่ให้ผลลัพธ์ที่อยากได้ เราต้องกล้าที่จะมีจุดยืนที่มั่นคง กล้าที่จะไม่ไหลไปตามคนรอบข้าง เราเป็นคนรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ต้องเลือกได้และยอมรับผลของสิ่งที่เลือก การกล้าที่จะออกนอก Comfort Zone ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัว แค่เรายังไม่ชิน บางทีเรากลัวไปก่อน แต่พอกล้าลอง กล้าลงมือทำจริง มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและยังให้ผลลัพธ์ที่สวยงามมากๆ เลยค่ะ (ยิ้ม)
ตอนแรกคุณพ่อไม่กล้าบอกคนอื่นเลยค่ะว่าลูกทำธุรกิจแอมเวย์ ไม่ภูมิใจ แต่พอกลับมาหลังจากเราพาไปเที่ยว เขาบอกทุกคนเลยว่า แม้วมันเก่งเหมือนป๊า (หัวเราะ) หลังจากไปเที่ยว ปีถัดมาคุณพ่อเสีย แม้วรู้สึกเลยว่า ดีนะที่เราคิดเรื่องนี้ได้ทัน ต้องขอบคุณธุรกิจแอมเวย์ที่ทำให้แม้วทำเรื่องเหล่านี้ได้ทันเวลา เปิดกรอบชีวิตให้เราได้พัฒนาตัวเอง ได้ใช้ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเองซึ่งเราไม่เคยรู้ว่ามีด้วยเหรอ (หัวเราะ) เราทำได้ด้วยเหรอ เพราะในธุรกิจนี้เราเป็นได้มากเท่าที่เราคิดฝันว่าจะเป็นได้ แอมเวย์คือพื้นที่ปลอดภัยที่สร้างให้เรากล้าลองผิดลองถูก กล้าพัฒนาตัวเองได้เต็มที่โดยมีคนเข้าใจ ให้กำลังใจ และสุดท้ายเราจะได้ผลลัพธ์ที่อยากได้ด้วยค่ะ
ขอบคุณป๊า ม้า ที่เป็นตัวอย่างของความเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ในธุรกิจแอมเวย์สอนให้ผมกล้าฝันใหญ่ขึ้นครับ สอนให้คิดถึงอนาคต คิดเผื่อวิกฤต ทำให้ชีวิตของเราปลอดภัยขึ้น ผมคิดว่าทำให้ชีวิตเราสงบ เพราะถ้าสำเร็จในธุรกิจนี้คือจบ มั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตของเราจะไม่อยู่ในอันตราย ไม่กังวลถึงวันข้างหน้า ถึงแม้วันนี้เราจะยังไม่สำเร็จถึงขั้นที่ต้องการ แต่เรารู้ว่าถ้าตั้งใจในธุรกิจนี้ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวในอนาคตครับ
สมัคร
ระดับแพลตินัม
ระดับทับทิม
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา
ระดับไพลิน
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา
ระดับมรกต
ระดับเพชร
คุณธีรยา (ครีเอท) สินธุญาณ ก้าวเข้ามาในธุรกิจแอมเวย์เป็นครั้งที่ 3 คุณศุภโชค (ไต๋) ชายแสน เป็นครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เลือกทำธุรกิจนี้เพื่อสร้างรายได้ แต่ครั้งนี้ทั้งคู่กลับมาในวันที่ตัวเองมีธุรกิจส่วนตัวที่มั่นคง แต่อะไรคือเหตุผลของการกลับมาอีกครั้ง พวกเขากำลังจะเล่าให้เราฟัง...
เมื่อก่อนเราคิดแค่ว่า ธุรกิจแอมเวย์คือการขายของแล้วเกิดรายได้ ไม่เคยรู้คุณงามความดีหรือคุณค่าในธุรกิจเลย รู้แค่เปลือก ไม่รู้แก่น สุดท้ายเราจึงเลือกออกไปเดินตามเส้นทางชีวิตสายอื่น เพราะรู้สึกว่าความสำเร็จในเส้นทางอื่นมีตั้งเยอะ ไม่จำเป็นต้องธุรกิจนี้ก็ได้ เราไปทำงานประจำแต่ไม่ตอบโจทย์เรื่องรายได้ พอทำธุรกิจส่วนตัวเป็น Wedding Planner ตอบโจทย์เรื่องรายได้แต่ไม่ตอบโจทย์เรื่องเวลากับสุขภาพ จนเราได้มีโอกาสเจออัปไลน์คือพี่อุ๊ - พี่หมอก (คุณศิริพรรณ - คุณวิโรจน์ บุญอริยะ นธอ.ระดับมงกุฎทูต) ทำให้มองเห็นว่า ธุรกิจแอมเวย์คือสิ่งที่เป็นคำตอบทุกมิติของชีวิตเรา
พอเราเข้าใจธุรกิจมากขึ้นก็เริ่มตั้งใจทำ ถามว่ามีปัญหามั้ย มีแน่นอนครับ ชวนคนไม่มา มาไม่ฟัง ฟังไม่สมัคร สมัครไม่ทำ ทำไม่ทน ทนไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้เราถูกสอนให้คิดอีกแบบ เช่น พอเจอคำปฏิเสธ อัปไลน์ถามว่าเคยแจกซองผ้าป่าแล้วคนไม่รับมั้ย เคยสิครับ (ยิ้ม) ถามต่อว่าแล้วเราซีเรียสมั้ย ก็ไม่นะ ธุรกิจนี้ก็เช่นกัน เหมือนเราไปบอกบุญแล้วคนไม่รับ ทำไมเราต้องเครียดด้วยล่ะ โอเค เฉียบ (หัวเราะ)
อัปไลน์ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความสำเร็จจะเกิดได้เราต้องมองประโยชน์ของผู้อื่นก่อนตัวเองเสมอ You First, Me Second. เราทำธุรกิจแอมเวย์ไม่ใช่เพื่อได้รับ แต่เพื่อจะได้มีทุนในการให้เพิ่มขึ้น นี่คือแนวคิดที่ถูกต้อง เมื่อก่อนเราไม่เข้าใจ เคยคิดว่าธุรกิจนี้เหมือนธุรกิจอื่น นั่นทำให้เราไปผิดทาง ทิศทางผิดความพยายามสูญเปล่า ต่อให้ใส่แรงเต็มร้อยก็ไปไม่ถึงความสำเร็จ โชคดีค่ะที่ได้อัปไลน์สะกิดเตือน พอเข้าใจ เราจึงตั้งใจเรียนรู้และตั้งใจทำ
เปลี่ยนแปลงผู้อื่นเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ในฐานะผู้นำเราต้องทำก่อนค่ะ ถ้าเราตั้งใจทำแล้วจะมีคนอยากทำตามเราเอง ในธุรกิจนี้เราบังคับใครไม่ได้ บังคับได้แค่ตัวเอง ดังนั้นต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นก่อนเพื่อเป็นแบบอย่าง เมื่อก่อนไม่เข้าใจ คิดว่าตัวเราดีแล้ว ชีวิตเราดีแล้ว แต่อัปไลน์ทำให้เราได้เห็นว่า ‘ดีกว่า’ คืออะไร (ยิ้ม)
ผมว่าธุรกิจนี้ทำให้ใจของเราสะอาดขึ้น ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ตอนแรกผมเหมือนทุเรียนเลยครับ (หัวเราะ) มีหนามเต็มเลย แต่อัปไลน์ทำหน้าที่เป็นกระดาษทราย ค่อยๆ ขัดเกลาให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งจึงอยากตอบแทน เราไม่ได้สำเร็จเพราะต้องการความสำเร็จ แต่สำเร็จเพราะต้องการตอบแทนครับ
Be Bold ที่เป็นต้นแบบสำหรับผมคือริชกับเจย์ สองผู้สถาปนาแอมเวย์ ทั้งคู่กล้าคิดกล้าทำมาก เริ่มจากการทำธุรกิจการบินทั้งที่ขับเครื่องบินไม่เป็น แล้ววันหนึ่งหันมาทำธุรกิจแอมเวย์ ต้องต่อสู้กับหลายอย่าง แต่ยังยืนหยัดสร้างธุรกิจนี้เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้รับโอกาส ผมว่านี่เป็น Be Bold ที่แท้จริง และอัปไลน์ทุกคนที่สำเร็จก็ได้รับเจตนารมย์นั้นมา ส่งต่อมาถึงเรา เราแค่ต้องมีความกล้าที่จะเชื่อ ทำตาม ยึดหลักคุณธรรมเหล่านี้ส่งต่อไปสู่รุ่นหลังเพื่อให้ดำรงอยู่ต่อไป
ในธุรกิจอื่นเราอาจต้องกล้าที่จะเอาเปรียบคนอื่น กล้าที่จะพูดโกหกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ในธุรกิจนี้ไม่ใช่ค่ะ เราต้องมีความกล้าเหมือนกัน แต่เป็นความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงความคิด จิตใจตัวเอง กล้าเปิดโอกาสดีๆ ให้ผู้คนให้ได้รับโอกาสที่ดีเหมือนเรา กล้าในสิ่งที่ควรกล้า กลัวในสิ่งที่ควรกลัว
ผมคิดว่าธุรกิจนี้จะอยู่ยั่งยืน เพราะเราสืบสานวัฒนธรรมที่ส่งต่อความกล้า ส่งต่อคุณงามความดี วันนี้โลกข้างนอกกำลังเครียด งานประจำเปรียบเหมือนขึ้นรถเมล์ พอรถสุดสายก็ต้องลงไปขึ้นคันใหม่ ซึ่งไม่แน่ว่าเราจะได้นั่งหรือต้องยืน ทำธุรกิจส่วนตัวเปรียบเหมือนขี่มอเตอร์ไซค์ เจอแดดก็ร้อน เจอฝนก็เปียก อะไรก็เรา แต่ทำธุรกิจนี้เหมือนขับรถหุ้มเกราะที่ขับไปด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน แถมข้างในรถบุนวมด้วยเพราะมีสตาฟคอยดูแลเบื้องหลังทั้งหมด เราไม่ต้องกังวล แค่ขับรถไปด้วยความเร็วที่ต้องการ มีเหตุผลเดียวที่ไม่ถึงจุดหมายคือ เราไม่ทำเท่านั้นเอง ไม่ขับก็ไม่เคลื่อนครับ
ธุรกิจนี้ทำให้เรากล้า ทำให้พัฒนาตัวเองได้เก่งขึ้น แต่ไม่ทำให้เหลิงในความสำเร็จ เพราะทุกครั้งหลังความสำเร็จ เราจะต้องกลับไปทำงานพื้นฐาน เหมือนเราขึ้นไปอยู่บนยอดเขาแล้ว ถ้าจะขึ้นเขาลูกต่อไปก็ต้องเริ่มต้นที่ตีนเขาอีกครั้ง ความสำเร็จในธุรกิจนี้ไม่ได้สอนให้เรากอบโกย แต่สอนให้ช่วยเหลือและแบ่งปัน เราจะได้ในสิ่งที่ทำและมีคุณค่ากับผู้คน ส่วนที่ยากคือตัวเองที่ไม่เชื่อและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทุกความสำเร็จมีเงื่อนไข และความล้มเหลวย่อมมีสาเหตุค่ะ ถ้าเราเชื่อ เราฟังอัปไลน์ และทำตาม ยังไงก็สำเร็จได้แน่นอนค่ะ
สมัคร
ระดับแพลตินัม
ระดับทับทิม
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา
ระดับไพลิน
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา
ระดับมรกต
ระดับมรกตสองผู้สถาปนา
ระดับเพชร
